หากย้อนกลับไปในยุคทองของวงการเพลงไทย คงไม่มีใครไม่รู้จัก “แอนนา โรจน์รุ่งฤกษ์” สาวเสียงใสผู้แจ้งเกิดจากเวทีการประกวดใหญ่ ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการเพลงอย่างเต็มตัว และสร้างบทเพลงฮิตที่ยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำ

แอนนา เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2509 จบการศึกษาระดับมัธยมที่โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนจะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงวัยเรียน เธอได้ฝึกฝนประสบการณ์ร้องเพลงกับ วงซียูแบนด์ ของชมรมดนตรีสากล สโมสรนิสิตจุฬาฯ จนเป็นที่จับตา

โอกาสครั้งสำคัญมาถึงในปี พ.ศ. 2529 เมื่อแอนนาลงประกวดในเวที คอนเสิร์ต คอนเทสต์ ที่จัดโดยเจเอสแอล เธอชนะใจกรรมการและผู้ชมด้วยน้ำเสียงทรงพลังจากบทเพลงลูกทุ่ง “บุษบาอธิษฐาน” คว้าตำแหน่ง บิ๊กแชมป์ ประจำปีไปครองอย่างสง่างาม

จากจุดนั้น เธอได้เซ็นสัญญากับ คีตา เรคคอร์ดส เป็นเวลา 6 ปี และมีผลงานเพลงออกมา 2 อัลบั้มคือ “แกง” (พ.ศ. 2530) และ “ขอทางหน่อย” (พ.ศ. 2531) ภายใต้การควบคุมของ ธนวัฒน์ (อนุวัฒน์) สืบสุวรรณ พร้อมทีม Butterfly ที่มาดูแลดนตรีให้ทั้งสองชุด อัลบั้มแรกประสบความสำเร็จมากกว่าชุดที่สอง โดยเฉพาะเพลงช้าอย่าง “เพียงแต่วันนั้น” “เรียนรู้ใจ” และ “เก็บน้ำตา” ที่กลายเป็นเพลงรักคลาสสิกในความทรงจำของใครหลายคน แม้ภาพรวมของงานจะเน้นเพลงสนุก แต่กลับเป็นบทเพลงเศร้าที่ฮิตติดหู

หลังจากนั้น แอนนายังฝากผลงานเพลงประกอบละครและภาพยนตร์ในช่วงปี พ.ศ. 2532–2537 แม้ไม่ได้มีอัลบั้มเต็มออกมาอีก แต่ชื่อของเธอก็ยังคงอยู่ในใจแฟนเพลงเสมอ

กาลเวลาผ่านไป เธอกลับมาสร้างความสุขให้แฟน ๆ อีกครั้งบนเวที Kita Back To The Future Concert ต้นปี พ.ศ. 2550 และในปี พ.ศ. 2558 เธอได้ขึ้นคอนเสิร์ต Green Concert #18: The Lost Love Songs ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ พร้อมศิลปินร่วมค่ายคีตาอีกหลายคน เรียกเสียงกรี๊ดและความคิดถึงจากผู้ชมได้อย่างท่วมท้น

🌿 ชีวิตนอกเวที
แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะนักร้อง แต่แอนนาไม่เคยตั้งใจจะเดินบนเส้นทางนี้ตลอดไป เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องแนวเพลงในอัลบั้มชุดที่ 3 เธอรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวตน จึงเลือกถอยออกมาอย่างสงบ หลังจากเรียนจบ เธอเริ่มทำงานที่ แมคโดนัลด์ ก่อนจะเบนเส้นทางไปทำธุรกิจส่วนตัวด้านการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอสนใจมาตลอด

จากเด็กสาวที่คว้ารางวัลบนเวทีใหญ่ สู่ศิลปินเสียงหวานแห่งยุค และปัจจุบันในบทบาทนักธุรกิจ “แอนนา โรจน์รุ่งฤกษ์” ยังคงเป็นอีกหนึ่งชื่อที่ถูกกล่าวถึงด้วยความคิดถึงและชื่นชมไม่เสื่อมคลาย